ปัญหาที่พบบ่อยในเครื่องตัดเฉือนมักเกิดจาก การใช้งานที่ไม่ถูกต้อง การบำรุงรักษาไม่เพียงพอ หรือข้อจำกัดด้านการออกแบบ หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยคือ ใบมีดสึกหรอหรือเสียหาย ซึ่งทำให้การตัดไม่เรียบ เกิดรอยแตกร้าว หรือวัสดุบิดงอ ปัญหานี้อาจเกิดจากการใช้แรงกดในการตัดมากเกินไป การตั้งค่าช่องว่างของใบมีดไม่ถูกต้อง หรือใช้ใบมีดที่มีคุณภาพต่ำ เช่น การใช้ใบมีดที่ออกแบบมาสำหรับเหล็กกล้าอ่อนในการตัดสแตนเลส จะทำให้ใบมีดสึกหรอเร็วขึ้น อีกปัญหาหนึ่งคือระบบไฮดรอลิกขัดข้อง ซึ่งแสดงออกผ่านการเคลื่อนที่ของกระบอกสูบช้า มีการรั่วไหลของน้ำมัน หรือแรงดันเปลี่ยนแปลงอย่างไม่สม่ำเสมอ สาเหตุทั่วไปคือ น้ำมันไฮดรอลิกปนเปื้อน ซีลสึกหรอ หรืออากาศเข้าไปในระบบ ในเครื่องตัดแบบกลไก ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในกล่องเกียร์ เช่น เสียงดัง การสั่นสะเทือน หรือฟันเฟืองลื่นไถล อาจเกิดจากไม่มีการหล่อลื่นเพียงพอ หรือการจัดแนวไม่ถูกต้อง ปัญหาทางไฟฟ้า เช่น มอเตอร์รับความร้อนมากเกินไป เบรกเกอร์ตัดวงจร หรือเซนเซอร์ทำงานผิดปกติ อาจทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักและเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากแรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร การใช้งานเกินกำลัง หรืออุปกรณ์ถูกความชื้น ปัญหาโครงสร้าง เช่น โครงเครื่องแตกร้าว หรือฐานบิดงอ มักเกิดในเครื่องจักรรุ่นเก่าที่ต้องรับน้ำหนักมากโดยไม่มีการเสริมความแข็งแรงที่เหมาะสม การตั้งค่าตำแหน่งหลังไม้ (back gauge) หรือขาตั้งด้านหน้า (front support) ไม่ตรงกัน ทำให้ตัดชิ้นงานไม่แม่นยำ ส่งผลให้วัสดุสูญเสียและต้องทำใหม่ ข้อผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงาน เช่น การป้อนวัสดุในมุมที่ผิด หรือละเลยข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาแย่ลง ตัวอย่างเช่น การปิดสวิตช์ปุ่มหยุดฉุกเฉินขณะเครื่องติดขัด อาจทำให้เครื่องเสียหายและเป็นอันตรายต่อบุคคล เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำการบำรุงรักษาของผู้ผลิต ฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานให้ละเอียด และใช้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ ควรปรับเทียบเครื่องจักรเป็นประจำ และตรวจสอบตัวชี้วัดประสิทธิภาพ เช่น แรงในการตัดและการใช้พลังงาน เพื่อตรวจจับความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ตัวอย่างกรณีศึกษา: โรงงานแปรรูปเหล็กในประเทศบราซิลแก้ปัญหาใบมีดสึกหรอซ้ำ ๆ โดยเปลี่ยนไปใช้ใบมีดที่มีปลายคาร์ไบด์ และจัดทำตารางหมุนเวียนใบมีด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนใบมีดได้ลง 25%